ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ต่อจากนี้ เรียกว่า "บริษัทฯ" ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยให้ความสำคัญในการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกท่านให้มีความปลอดภัย จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น โดยนโยบายนี้ได้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เจ้าของข้อมูลได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จึงประกาศนโยบายฯ ดังต่อไปนี้

ขอบเขตการบังกับใช้

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ให้ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญา ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหารพนักงานและบุคลากรของบริษัท ตลอดจนบุคคลผู้ติดต่อทำธุรกรรมใดๆกับบริษัท

คำนิยาม

  1. "ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
  2. "ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว" หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญาพฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเคียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
  3. "การประมวลผล" หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย การลบ หรือการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
  4. "เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
  5. "ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  6. "คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่และอำนาจกำกับดูแล ออกหลักเกณฑ์ มาตรการ หรือข้อปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
  7. บุคคลภายนอก หรือ บริษัทภายนอก (Third parties)" หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลนอกเหนือจากเจ้าของ ข้อมูล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจ้างให้ประมวลข้อมูลในนาม บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน)
  8. ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) หมายถึง การแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึง วัตถุประสงค์วิธีการรวบรวม ประมวล และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
  9. คุกกี้ (Cookie) หมายถึง ไฟล์เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสร้างโดยเว็บไซต์และจัดเก็บบนคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ สื่อสารของผู้ใช้งานซึ่งจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล การใช้งาน และการตั้งคำต่าง ๆ ของผู้ใช้งานเพื่อปรับปรุง ประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน

การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

  1. บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายให้วัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น
  2. บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะ ขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม วันแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นดามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้

วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  1. บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อประ โยชน์ในการคำเนินงานของบริษัทหรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ/หรือเพื่อปฏิบัติดามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลดังกล่าวตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลหรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น
  2. บริษัทจะไม่กระทำการใดๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม เว้นแต่

    (1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

    (2) เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  1. บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอมและ จะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้
  2. บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้แก่บริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นประ โยชน์ต่อการคำเนินงานของบริษัทและการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ปีนความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้
  3. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายการรักษาความมั่นกงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

  • บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายนโยบาย ระเบียบ ข้อกำหนด และแนวปฏิบัติค้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานของบริษัทและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • บริษัทสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุกคล

  1. สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุกคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
  2. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
  3. สิทธิขอให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
  4. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
  5. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว
  6. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
  7. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรหรือผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบฟอร์มที่บริษัทกำหนด ผ่าน "ช่องทางการติดต่อของบริษัท" ด้านล่าง โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องฯ ของเจ้าของข้อมูล ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิของเจ้าของข้อมูลได้ในกรณี ที่มีกฎหมายกำหนดไว้

การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจน

ช่องทางการติดต่อบริษัท

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 101 10
โทรศัพท์ : (02) 033-0910-11
โทรสาร : (02) 033-0909
อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท” ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ และมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกท่านให้มีความปลอดภัย บริษัทจึงประกาศแจ้งนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกระบวนการจ้างงาน การจ้างบริการ หรือการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ อาจต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งเป็นผู้สมัครงาน ผู้เข้ารับการสัมภาษณ์งาน พนักงาน Outsource พนักงานที่ไปปฏิบัติงานที่องค์กรอื่น บุคลากรของบริษัทฯ เช่น กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร พนักงานปัจจุบัน อดีตพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้กระทำการแทน และ/หรือบุคคลอื่นที่บริษัทฯ และ บริษัทในเครือที่อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมา

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้กับกระบวนการจ้างงาน การจ้างบริการ หรือการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯ ณ สถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ผ่านทางเว็บไซต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ อีเมล การยื่นสมัครงานด้วยตนเอง (Walk-in) ช่องทางไปรษณีย์ ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ช่องทางติดต่อออนไลน์ ตลอดจนช่องทางอื่นใดของบริษัทฯ ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่าน

บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้นเพื่อเป็นหลักในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล วัตถุประสงค์ในการนำข้อมูลไปใช้ และการเปิดเผยข้อมูลแก่และ/หรือ โอนไปยังต่างประเทศ (ซึ่งรวมเรียกว่า “การประมวลผล”) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

  1. ขอบเขตการบังคับใช้

    นโยบายนี้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน ผู้เข้ารับการสัมภาษณ์งาน พนักงาน Outsource พนักงานที่ไปปฏิบัติงานที่องค์กรอื่น บุคลากรของบริษัทฯ เช่น กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร พนักงานปัจจุบัน อดีตพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน และบุคคลใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัทฯ เช่น บุคคลในครอบครัวของพนักงาน บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน และ/หรือ บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้กระทำการแทน (“ท่าน”) เป็นต้น

    นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้มีผลใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทฯ เป็นผู้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย และเจ้าของข้อมูลตกลงให้บริษัทฯ มีสิทธิในการเก็บรวบรวม และนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมไว้แล้ว (หากมี) ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมในปัจจุบัน และที่จะได้เก็บรวมรวมในอนาคต ไปใช้ หรือเปิดเผยแก่บุคคลอื่นภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

  2. คำนิยาม

    “ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data)” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล์ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ประวัติการทำงาน เป็นต้น

    โดยบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งทางตรงและทางอ้อมจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เช่น เราอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงในระหว่างกระบวนการสมัครงานหรือสัมภาษณ์งาน เมื่อเริ่มต้นจ้างงาน หรือตลอดระยะเวลาที่จ้างงาน หรือระยะเวลาตามสัญญาบริการที่เราทำกับนายจ้างของท่าน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจ้างงานหรือการจ้างบริการจากท่าน

    “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data)” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น เชื้อชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) หรือข้อมูลอื่นใดในทำนองเดียวกันที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัทฯ ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต

    ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล เว้นแต่

    (1) ในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล หรือ (2) กรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด

  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม

    บริษัทฯ ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลที่บริษัทฯจะแจ้งให้ทราบ ทั้งนี้ ได้จำแนกประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จัดเก็บไว้ในลำดับถัดไป

  4. ความยินยอมของท่าน

    บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน พนักงานและบุคลากรของบริษัทฯโดยจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของ บริษัท จึงต้องแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมก่อนเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยจัดทำเป็นนโยบายความเป็น ส่วนตัว ซึ่งแจ้งวิธีที่บริษัทจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้

  5. ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม

    สำหรับผู้สมัครงาน

    ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียด
    ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน เช่น คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น เพศ รูปถ่าย น้ำหนัก ส่วนสูง วันเดือนปีเกิด อายุ สัญชาติ เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ Line ID บัญชีเฟซบุ๊ค และ/หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ สถานภาพการสมรส สถานภาพทางทหาร ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติการฝึกอบรม ความสามารถพิเศษ
    ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เช่น ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือตามที่กฎหมายอนุญาต
    ข้อมูลอื่นๆ เช่น ประวัติส่วนตัว (Resume/ CV) ประวัติการเรียนรู้ ทักษะความสามารถ ใบอนุญาตต่างๆ ข้อมูลจากการทดสอบหรือสัมภาษณ์ รูปถ่าย บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ประวัติข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการของท่าน
    ข้อมูลบุคคลที่สาม เช่น คู่สมรส สมาชิกในครอบครัว บุคคลอ้างอิงหรือบุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน ผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ โดยจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลอื่นๆ เท่าที่จำเป็น หากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใดนอกจากตัวท่านเองแก่บริษัทฯ (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร บุคคลที่ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หรือบุคคลอ้างอิง) เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ความสัมพันธ์ ข้อมูลติดต่อ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จะถือว่าท่านรับรองและรับประกันต่อบริษัทฯ ว่าท่านมีอำนาจในการกระทำเช่นนั้นโดย (1) การแจ้งให้บุคคลอื่นรายนั้นทราบถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ และ (2) การได้รับความยินยอม (ในกรณีที่กฎหมายกำหนดหรือจำเป็น) เพื่อให้เราสามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้

    สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัทฯ

    ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียด
    ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน เช่น คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น เพศ รูปถ่าย น้ำหนัก ส่วนสูง วันเดือนปีเกิด อายุ สัญชาติ เลขประจำ ตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง วีซ่า ใบอนุญาตทำงาน เลขที่ประกันสังคม เลขที่ใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขที่บัญชีธนาคาร เลขทะเบียนรถยนต์ ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ Line ID บัญชีเฟซบุ๊ค และ/หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับช่องทางสื่อสังคมออนไลน์สถานภาพการสมรส สถานภาพทางทหาร ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ความสามารถพิเศษ
    ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว เช่น ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลการจดจำใบหน้า (Face Scan) โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือตามที่กฎหมายอนุญาต
    ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น รหัสพนักงาน ตำแหน่งงาน สังกัด สถานภาพการเป็นพนักงาน วันที่เริ่มงาน วันที่สิ้นสภาพการเป็นพนักงาน อายุงาน ผลการปฏิบัติงาน ค่าจ้างและผลตอบแทน ประวัติการมาทำงาน การทำงานล่วงเวลา การลา การฝึกอบรม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การเบิกใช้สวัสดิการ เหตุผลการลาออก การประเมินผลการทดลองงาน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การปรับตำแหน่งงาน การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเปลี่ยนตำแหน่งการลงโทษ
    ข้อมูลอื่นๆ เช่น ประวัติส่วนตัว (Resume/ CV) ประวัติการเรียนรู้ ทักษะความสามารถ ใบอนุญาตต่างๆ ข้อมูลจากการทดสอบหรือสัมภาษณ์ ข้อมูลการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ เลขที่อยู่ไอพีหรืออินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (IP address) ข้อมูลที่อยู่การควบคุมการเข้าใช้งานสื่อกลาง (Media Access Control) ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีอื่นๆ ใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ข้อมูลทางการเงิน ความคิดเห็น ตำแหน่งที่ตั้ง หมายเลขประจำเครื่อง บันทึกเสียง บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) รูปถ่าย หรือภาพเคลื่อนไหวจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย
    ข้อมูลบุคคลที่สาม เช่น คู่สมรส สมาชิกในครอบครัว บุคคลอ้างอิงหรือบุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน ผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ โดยจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลอื่นๆ เท่าที่จำเป็น หากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใดนอกจากตัวท่านเองแก่บริษัทฯ (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร บุคคลที่ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หรือบุคคลอ้างอิง) เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ความสัมพันธ์ ข้อมูลติดต่อ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จะถือว่าท่านรับรองและรับประกันต่อบริษัทฯ ว่าท่านมีอำนาจในการกระทำเช่นนั้นโดย (1) การแจ้งให้บุคคลอื่นรายนั้นทราบถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ และ (2) การได้รับความยินยอม (ในกรณีที่กฎหมายกำหนดหรือจำเป็น) เพื่อให้เราสามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้

    บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ และบุคคลไร้ความสามารถต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเท่านั้น บริษัทฯ ไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี โดยปราศจากความยินยอมของผู้ปกครองตามที่กฎหมายกำหนด หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถและบุคคลไร้ความสามารถโดยปราศจากความยินยอมของผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) ในกรณีที่บริษัทฯ ทราบว่าบริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี โดยปราศจากความยินยอมของผู้ปกครองตามที่กฎหมายกำหนด หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถโดยปราศจากความยินยอมของผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) โดยไม่ได้ตั้งใจบริษัทฯ จะลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นทันที หรือจะเก็บรวบรวม และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเฉพาะกรณีที่บริษัทฯ สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นที่นอกเหนือจากความยินยอมได้ หรือตามที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น

  6. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 6.1 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง

      จากกระบวนการสรรหาและรับสมัครงาน การกรอกข้อมูลในใบสมัครงาน เอกสารแนบประกอบการพิจารณา การทำแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ ทั้งในรูปแบบเอกสาร, อีเมล หรือบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ จากทางเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลของท่านจากการจ้างงาน,กระบวนการต่างๆ ช่วงที่ท่านเป็นบุคลากรของบริษัทฯ

    2. 6.2 ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น

      บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ จากผู้ให้บริการเว็บไซต์จัดหางานซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โดยต้องเป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาต และ/หรือได้รับความยินยอมจากท่านเสียก่อน โดยบริษัทจะเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมและปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด

    3. 6.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม

      บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่านโดยท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลกับบริษัทฯ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา สมาชิกในครอบครัว บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลอ้างอิงหรืออดีตนายจ้าง ซึ่งบริษัทฯ ใช้ข้อมูลเพื่อจัดการสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้กับท่าน หรือ ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่ออ้างอิงข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับท่าน โปรดแจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าว เพื่อให้รับทราบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ และขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นเสียแต่ว่ามีข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามให้กับบริษัทฯ โดยไม่ต้องขอความยินยอม

  7. วัตถุประสงค์การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่บริษัทได้จัดเก็บ บริษัทจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปดำเนินการอื่นนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทระบุไว้ โดยทางบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูล ดังต่อไปนี้

    1. 7.1 การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา เช่น สัญญาจ้างงาน หรือสัญญาอื่นใด หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอ/ใบสมัครของท่านก่อนเข้าทำสัญญา ตามแก่กรณี
    2. 7.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายเงินทดแทน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายคอมพิวเตอร์
    3. 7.3 ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งจะไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน หรือสิทธิ ทางเสรีภาพของท่าน
    4. 7.4 ความยินยอม (Consent) บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่าน กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ขอความยินยอม หรือบริษัทฯ ไม่มีเหตุให้ใช้ฐานการประมวลผลข้างต้นเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมมาจากท่านได้
    5. 7.5 ฐานประโยชน์ที่สำคัญแห่งชีวิต (Vital Interests) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล กรณีที่การประมวลผลข้อมูลมีความจำเป็นต่อการปกป้องประโยชน์สำคัญของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่น เช่น ป้องกันอันตราย ร้ายแรงอันอาจเกิดต่อสุขภาพและชีวิตด้วยการประมวลผลข้อมูลสุขภาพหรือข้อมูลอ่อนไหว (sensitive data) บริษัทฯ จะใช้ฐานนี้ในการประมวลผลเฉพาะในกรณีที่เจ้าของข้อมูลอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถให้ความยินยอมได้ และไม่มีวิธีอื่นที่สามารถปกป้องชีวิตบุคคลอื่นโดยไม่ต้องประมวลผลข้อมูลนี้แล้ว
    6. 7.6 ฐานประโยชน์สาธารณะ (Public Interest) สำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ
    7. 7.7 ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research, or Statistics) ในกรณีที่จำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น ทั้งนี้จะกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน

    กรณีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลของท่านให้บริษัทฯ

    ในกรณีที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านตามกฏหมายหรือจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านตามข้อกำหนดในสัญญาที่บริษัทฯ ทำไว้กับท่าน ท่านสามารถเลือกว่าจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท หรือไม่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าหากท่านให้ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ สำหรับผู้สมัครงานบริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาจ้างงานท่านได้ สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัท บริษัทฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาที่บริษัทฯ ได้ทำ หรือจะให้บริการแก่ท่าน ซึ่งบริษัทฯ อาจต้องปฏิเสธที่จะให้บริการหรือรับบริการที่เกี่ยวข้อง การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลดังกล่าวยังอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฏหมายใดๆ ที่บริษัทหรือท่าน มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม และอาจมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้บริษัทฯ จะแจ้งท่านให้ทราบหากมีกรณีเช่นนี้ในเวลาที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน


    สำหรับผู้สมัครงาน

    วัตถุประสงค์ในการดำเนินการ รายละเอียด ฐานในการประมวลผลข้อมูล
    1. เพื่อกระบวนการสรรหาบุคลากร เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครงาน ประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่บริษัทฯ ต้องการสรรหา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เช่น การรับสมัคร การทดสอบ การสัมภาษณ์ การประเมิน การคัดเลือก ตลอดจนการเสนอการจ้างงานให้กับท่าน
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    2. เพื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติก่อนการจ้างงาน 1) เพื่อตรวจสอบว่าที่ท่านเคยมีประวัติการทำงานกับบริษัทฯ หรือเคยสมัครงานกับบริษัทฯ มาก่อนหรือไม่
    2) เพื่อประเมินความสามารถหรือคุณสมบัติของท่าน ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตเช่น คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม รวมถึงการสอบถามข้อมูลจากบุคคลอ้างอิงที่ท่านได้ให้ข้อมูลไว้กับบริษัทฯ
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    • ความยินยอม
    3. เพื่อการจัดการภายในองค์กรเกี่ยวกับกระบวนการจ้างงาน เพื่อการจัดการภายในองค์กรเกี่ยวกับกระบวนการจ้างงาน เช่น การส่งข้อมูลผู้สมัครหรือรายงานการสัมภาษณ์ให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจคัดเลือกหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระบวนการภายในเพื่อจัดทำสัญญาจ้าง การฝึกอบรม รวมถึงกระบวนการอื่นๆ ที่ต้องจัดเตรียมสำหรับพนักงานใหม่
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    4. เพื่อพิจารณาตำแหน่งงานอื่นที่เหมาะสมในอนาคต เพื่อเป็นประโยชน์กับท่าน บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อพิจารณาและติดต่อท่านในกรณีที่มีตำแหน่ง งานใดๆ ในอนาคตที่อาจเหมาะสมกับท่าน
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    5. เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัทฯ เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัทฯ การแลกบัตรก่อนเข้าพื้นที่สำนักงาน/สาขา รวมถึงการบันทึกภาพภายในพื้นที่ของบริษัทฯ ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

    สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัทฯ

    วัตถุประสงค์ในการดำเนินการ รายละเอียด ฐานในการประมวลผลข้อมูล
    1. เพื่อดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนตามสัญญาจ้างงาน หรือสัญญาอื่นใดอันเกี่ยวเนื่องกับการว่าจ้าง ระหว่างท่านกับบริษัทฯ 1) เพื่อดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ตลอดระยะ เวลาของการจ้างงาน เช่น การจัดทำทะเบียนพนักงาน การจัดทำข้อมูลพนักงาน การจัดทำบัตรพนักงาน การประเมินการทดลองงาน การปรับปรุงข้อมูลพนักงาน การบริหารจัดการวันหยุดพักผ่อนประจำปี การลางานประเภทต่างๆ การแจ้งตั้งครรภ์ การขอหนังสือรับรอง การลาออก รวมถึงการดำเนินการตามแบบคำร้องขออื่นๆ
    2) เพื่อดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคล เช่น การฝึกอบรม การพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ การมอบหมายงาน การมอบอำนาจ การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน การปรับโครงสร้างองค์กร การประเมินผลการปฏิบัติงาน การปรับระดับตำแหน่งงาน การปรับอัตราเงินเดือน การจ่ายโบนัส รวมถึงการสนับสนุนด้านเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพและการวางแผนสืบทอดตำแหน่งงาน
    3) เพื่อการตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตนของท่านเพื่อลงเวลาทำงาน และ/หรือเพื่อเข้าพื้นที่ของบริษัทฯ เพื่อปฏิบัติงาน เข้าประชุม อบรม หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะเก็บข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ และ/หรือ ข้อมูลการจดจำใบหน้า (Face Scan) ของท่าน โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือตามที่กฎหมายอนุญาต
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    • ความยินยอม
    2. เพื่อดำเนินการด้านค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ 1) เพื่อดำเนินการด้านการจ่ายค่าจ้างหรือผลตอบแทนอื่น เช่น การตรวจสอบเวลาเข้าออกงาน การทำงานล่วงเวลาหรือทำงานในวันหยุด การลาประเภทต่างๆ การขาดงานหรือละทิ้งหน้าที่ การจัดทำเงินเดือนและกระบวนการจ่ายเงินเดือนและผลตอบแทน
    2) เพื่อดำเนินการจัดให้มีสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับท่าน เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี ประกันสุขภาพพนักงานและครอบครัว กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เงินกู้ฉุกเฉิน เงินช่วยเหลือสวัสดิการต่างๆ เช่น สมรส คลอดบุตร ครอบครัวหรือพนักงานเสียชีวิต
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    3. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ เช่น การจัดทำทะเบียนลูกจ้าง การหักและชำระภาษี การหักประกันสังคม การอายัดและนำส่งเงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนต่างๆ ตามคำสั่งหรือหมายหรือหนังสือแจ้งให้อายัดและนำส่งเงินตามกฎหมาย เช่น การบังคับคดี กยศ.
    2) เพื่อดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการ คณะกรรมการความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
    3) เพื่อดำเนินการพิจารณาเกี่ยวกับการลา หรือข้อมูลด้านการแพทย์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ความไม่สมบูรณ์หรือทุพพลภาพ เพื่อคุ้มครองแรงงาน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือในกรณีท่านได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงาน
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    4. เพื่อดำเนินการสนับสนุนข้อมูลและกระบวนการต่างๆ ภายในบริษัทฯ 1) เพื่อการรายงาน วิเคราะห์ ทำสถิติ ในด้านการเงินและธุรกิจ เพื่อการบริหารจัดการ การวางแผนงบประมาณ และการบริหารด้านการบัญชี และการวางแผนทางธุรกิจ
    2) เพื่อสนับสนุนข้อมูลในการดำเนินการกระบวนการต่างๆ ภายในบริษัทฯ ซึ่งอาจมีการนำส่งข้อมูลของท่าน ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นและเป็นไปตามวัตถุประสงค์
    3) เพื่อกำหนดสิทธิการใช้งานระบบต่างๆ และการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล สนับสนุนด้านเครื่องมืออุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับท่าน
    4) เพื่อดำเนินการจัดการทรัพย์สินของบริษัทฯ ที่ส่งมอบให้กับพนักงาน เช่น บัตรเข้าอาคาร กุญแจ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์/Notebook รถยนต์ ฯลฯ
    5) เพื่อดำเนินการเรื่องการเดินทางหรือที่พัก ที่เกี่ยวกับการทำงาน การเบิกเงินช่วยเหลือการเดินทางไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ การเบิกค่าเดินทาง รวมถึงการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทำงาน
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    5. เพื่อดำเนินการด้านกิจกรรมต่างๆ สำหรับพนักงาน ทั้งภายในและภายนอกองค์กร 1) เพื่อการจัดกิจกรรมหรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ รวมถึงการประกาศผล หรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ซึ่งอาจมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเช่น ชื่อ-นามสกุล ภาพนิ่งหรือภาพเคลือนไหวของท่านจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เผยแพร่เพื่อประชาสัมพันธ์ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละกิจกรรม
    2) เพื่อการจัดอบรม สัมมนา/ดูงาน รวมถึงการทำกิจกรรมนอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับท่าน บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นให้กับผู้ให้บริการภายนอก เพื่อจัดเตรียม รถโดยสาร อาหาร ที่พัก และสถานที่ต่างๆ ให้กับท่าน
    3) เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจ ทำแบบสอบถาม หรือสำรวจความคิดเห็นของท่าน และประเมินผลจากการทดสอบหรือสำรวจดังกล่าว
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    6. เพื่อการตรวจสอบ กำกับดูแล และบริหารความเสี่ยง 1) เพื่อการตรวจสอบการสื่อสารที่เกี่ยวกับการทำงาน บริษัทฯ จำเป็นและขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจตราและตรวจสอบการสื่อสารทาอิเลคทรอนิกส์ ที่ได้ส่งโดยใช้บัญชีเครือข่าย หรืออุปกรณ์ที่บริษัทฯ ได้ให้ไว้กับท่านเพื่อการปฏิบัติงาน เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าทรัพยากรด้านสารสนเทศของบริษัทฯ ถูกใช้อย่างถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของบริษัทฯ
    2) เพื่อการกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎและข้อบังคับของบริษัทฯ
    • การปฏิบัติตามสัญญา
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    7. เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัทฯ 1) เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารสำนักงานหรือสถานที่ของบริษัทฯ การแลกบัตรเพื่อเข้าพื้นที่สำนักงาน รวมถึงการบันทึกภาพภายในพื้นที่บริษัทฯ ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    8. เพื่อบริหารจัดการข้อมูลสำหรับอดีตพนักงาน 1) เพื่อบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ เพื่อให้เข้าใจและเก็บหลักฐานการตัดสินใจต่างๆ ในบทบาทหน้าที่ของท่าน
    2) บริษัทฯ อาจให้ท่านทำแบบสอบถามว่าทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ ปรับปรุงการดำเนินการ และเก็บรักษาพนักงานของบริษัทฯ
    3) บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลของท่านไว้เป็นเวลา 5 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นบุคลากรของบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด
    • ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  8. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

    เพื่อเป็นวิธีในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ ได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพ ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และสภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ เปิดเผย หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทฯ ได้จัดให้มีมาตรการควบคุมการเข้าถึงที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ ยังได้วางมาตรการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยกำหนดสิทธิเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ และบริหารจัดการการเข้าถึงเพื่อจำกัดการถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้มีสิทธิเท่านั้น และกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งานเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกจัดเก็บไว้ในเครือข่ายที่มีความปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าหน้าที่หรือผู้ประมวลผลที่ได้รับอนุญาตในการเข้าถึงระบบดังกล่าวจากบริษัทฯเท่านั้น โดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังรวมถึงการวางมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    โดยการเข้าถึงข้อมูลต้องใช้รหัสผ่านและมีการกำหนดอายุการใช้งานของรหัสผ่าน นอกจากมาตรการและวิธีการรักษาความปลอดภัยที่กล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ไฟร์วอลล์ (Firewall) เพื่ออนุญาตให้มีการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ระหว่างระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตของบริษัทฯ และ ซอฟต์แวร์สแกนไวรัสและมัลแวร์ (Virus and Malware Scan) บริษัทฯ มีการติดตั้ง อัปเดตเป็นระยะๆ ในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของบริษัทฯ และมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ดังนี้

    • บริษัทป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ ดัดแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    • บริษัทจำกัดคนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไว้สำหรับพนักงาน ลูกจ้าง ที่จำเป็นต้องทราบข้อมูลนั้นเพื่อทำการประมวลผลข้อมูลให้โดยที่บุคคลเหล่านั้นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับตามสัญญาอย่างเข้มงวด
    • บริษัทมีการใช้ การเข้ารหัสข้อมูลแบบ Secure Sockets Layer (SSL) เพื่อให้แน่ใจได้ว่าการส่งผ่านข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นไปอย่างอย่างปลอดภัย
  9. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทฯ และบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ดังนี้

    1. 9.1 ภายในบริษัท - ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทฯ เฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือทีมงานเหล่านี้ของบริษัท จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามความจำเป็นและเหมาะสม
      • เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและธุรการ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ เฉพาะที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ
      • ผู้บริหาร หรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงของท่าน ที่มีความรับผิดชอบในการบริหารหรือตัดสินใจเกี่ยวกับท่าน หรือเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางด้านงานบุคคล
      • ฝ่ายหรือทีมสนับสนุนต่างๆ เช่น กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ, ฝ่ายเลขา, ฝ่ายบัญชี-การเงิน, ฝ่ายจัดซื้อ ฯลฯ
    2. โปรดทราบว่า บริษัทฯ อาจส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างบริษัทในเครือด้วยกัน เพื่อการให้บริการแก่ท่านอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์

    3. 9.2 ภายนอกบริษัท - บริษัทฯ จะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก เว้นแต่กรณีดังนี้
      1. 9.2.1 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมบังคับคดี กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน คำสั่งศาล พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือ กฎหมายให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว หรือหน่วยงานอื่นใดที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย
      2. 9.2.2 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง ผู้ให้บริการสำหรับดำเนินการใดๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธนาคารผู้ให้บริการสวัสดิการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ สถาบันฝึกอบรม การประเมินผลเพื่อการบริหารจัดการองค์กร จองการเดินทางและที่พัก อาคารสำนักงาน ผู้ตรวจสอบภายนอก ที่ปรึกษาในด้านต่างๆ ทั้งนี้เมื่อบริษัทฯ ใช้บริการจากหน่วยงานภายนอก บริษัทฯ จะต้องมั่นใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการปกป้องโดยมาตรการที่เหมาะสม
      3. 9.2.3 องค์กรหรือบุคคลภายนอก บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่าน ให้กับองค์กรหรือบุคคลภายนอกที่มีการติดต่อสอบถามเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆ ของท่าน เช่น การสมัครหรือใช้บริการด้านสินเชื่อ การสมัครงาน โดยบริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลโดยการยืนยันเฉพาะสถานะภาพการเป็นพนักงาน และข้อมูลอื่นๆ ตามที่ท่านได้เปิดเผยให้กับกับองค์กรหรือบุคคลภายนอกดังกล่าวไว้เท่านั้น รวมถึงในกรณีที่บริษัทฯ ได้รับหนังสือยินยอมของท่าน ให้เปิดเผยข้อมูลจากหน่วยงานภายนอก เช่น จากนายจ้างใหม่ของท่าน บริษัทฯอาจเปิดเผยข้อมูลของท่าน เพื่อรับรองสภาพการจ้างงานเดิม
  10. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

    บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ ส่งหรือโอนข้อมูลไปยังผู้รับข้อมูลอื่น เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจัดเก็บไว้บน Server หรือ Cloud ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด

  11. ระยะเวลาการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
  12. บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นผู้สมัครงาน หรือเป็นพนักงาน / บุคลากรของบริษัทฯ หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น

    1. 11.1 ผู้สมัครงาน ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ทราบผล เพื่อที่บริษัทฯ จะสามารถติดต่อท่านในกรณีที่มีตำแหน่งงานใด ๆ ในอนาคตที่อาจเหมาะสมกับท่าน
    2. 11.2 พนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด

    ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะทำการลบหรือ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการสมัครงานหรือสัญญาจ้างงานของท่าน สำนักงานขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

  13. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของตน ดังต่อไปนี้

    1. 12.1 การคัดค้านหรือเพิกถอนความยินยอม
    2. 12.2 ท่านมีสิทธิโต้แย้ง หรือ คัดค้านการประมวลผลข้อมูล คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
    3. 12.3 การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน โดยบริษัทจะนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ท่านภายในกำหนดระยะเวลา 30 (สามสิบ) วัน นับแต่มีการส่งคำขอถึงผู้ควบคุมข้อมูลบริษัท
    4. 12.4 การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถขอให้บริษัทแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อมูลที่ขาดหายในข้อมูลส่วนบุคคล
    5. 12.5 ขอให้ระงับการใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    6. 12.6 การลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถขอให้ดำเนินการลบ หรือ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    7. 12.7 การขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    8. 12.8 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
    9. 12.9 สิทธิร้องเรียน
  14. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว บริษัทฯ อาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยประกาศบนเว็บไซต์ และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด โดยถือว่าท่านยอมรับนโยบายที่เปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว ทางบริษัทจะไม่แจ้งการแก้ไขดังกล่าวให้ท่านทราบเป็นรายบุคคล

  15. ติดต่อเรา

    หากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โปรดติดต่อมาที่

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
    แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
    โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8 / โทรสาร : (02) 033-0909
    อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

นโยบายการใช้คุกกี้นี้จะอธิบายถึงประเภท เหตุผล และลักษณะการใช้ คุกกี้บนเว็บไซต์นี้ รวมถึงวิธีการจัดการคุกกี้ ดังนี้

คุกกี้ (Cookies) คืออะไร ?

คุกกี้ คือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (text file) ที่จะถูกติดตั้ง หรือบันทึกลงบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่านเมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ คุกกี้จะจดจำข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ เราจะเรียกเทคโนโลยีอื่นที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกันว่าคุกกี้ด้วย

เราใช้ คุกกี้อย่างไรบ้าง ?

เราจะใช้คุกกี้เมื่อท่านได้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา โดยการใช้งานคุกกี้ของเราแบ่งออกตามลักษณะของการใช้งานได้ดังนี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น (Strictly Necessary Cookies) คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้เป็นปกติ มีความปลอดภัย และทำให้ท่านสามารถเข้าใช้เว็บไซต์ได้ เช่น การ log in เข้าสู่เว็บไซต์ การยืนยันตัวตน ทั้งนี้ ท่านไม่สามารถปิดการใช้งานของคุกกี้ประเภทนี้ผ่านระบบของเว็บไซต์ของเราได้
  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ (Analytic Cookies) คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อให้เราสามารถวัดผล ประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาเนื้อหาสินค้า/บริการและเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ประเมิน และพัฒนาเว็บไซต์ได้
  • คุกกี้เพื่อช่วยในการใช้งาน (Functional Cookies)คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยจดจำข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้เข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลการลงทะเบียนหรือ log in ข้อมูลการตั้งค่าหรือตัวเลือกที่ท่านเคยเลือกไว้บนเว็บไซต์ เช่น ภาษาที่แสดงบนเว็บไซต์ ที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า เพื่อให้ท่านสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องให้ข้อมูลหรือตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจใช้งานเว็บไซต์ได้ไม่สะดวกและไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies) คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และนำเสนอเนื้อหา สินค้า/บริการ และ/หรือ โฆษณาที่เหมาะสมกับความสนใจของท่านได้ ทั้งนี้ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้ คุกกี้ประเภทนี้ ท่านอาจได้รับข้อมูลและโฆษณาทั่วไปที่ไม่ตรงกับความสนใจของท่าน

การจัดการคุกกี้

ท่านสามารถเลือกตั้งค่าคุกกี้แต่ละประเภท ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น (Strictly Necessary Cookies) ได้ โดย “การตั้งค่าคุกกี้” หรือ

การตั้งค่าในเว็บบราวเซอร์ (web browser) เช่น ห้ามการติดตั้งคุกกี้ลงบนอุปกรณ์ของท่าน

ทั้งนี้ การปิดการใช้งานคุกกี้อาจส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้เว็บไซต์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า“บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของของคู่ธุรกิจซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา กรรมการของคู่ธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงผู้ปฏิบัติงานและพนักงานของคู่ธุรกิจ (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบและทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

คำนิยาม

“คู่ธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง” หมายถึง บุคลากร บุคคล ผู้ได้รับมอบอำนาจ ผู้มีอำนาจลงนาม กรรมการ ผู้ถือหุ้นและผู้ติดต่ออื่นๆ ของพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ไม่จำกัดเพียง คู่ค้า ผู้จัดจำหน่าย ผู้จัดหาสินค้า ผู้ขาย ผู้ให้บริการ ผู้รับเหมาก่อสร้าง นักลงทุน นักวิเคราะห์ ร้านค้า ผู้ให้เช่าพื้นที่สำหรับตั้งป้ายโฆษณา ที่ปรึกษาอิสระ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัย นายหน้าประกันภัย ตัวแทนประกันภัยธนาคาร พันธมิตรสำหรับกิจการร่วมค้า รวมถึงบุคคลที่สาม เช่น บุคคลภายนอกที่ขอเข้าพื้นที่ ผู้ของานของผู้รับเหมา ผู้ติดต่อเข้างาน บุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เช่น คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) และพันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เนื่องจากบริษัทฯ มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับท่านในปัจจุบันหรือที่อาจจะมีในอนาคต หรือจากการที่ท่านทำงานให้ ดำเนินการแทน หรือเป็นตัวแทนของพันธมิตรทางธุรกิจที่บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ด้วย เช่น บริษัทที่จัดหาสินค้าหรือให้บริการแก่บริษัทฯ หรือที่บริษัทฯ ติดต่อสื่อสารด้วยในทางธุรกิจซึ่งอาจเกี่ยวพันถึงท่าน

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

  1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของคู่ธุรกิจก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งคู่ธุรกิจเป็นคู่สัญญากับบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ
    2. 1.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น
      1. (1) เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามสัญญาสัญญาระหว่างคู่ธุรกิจกับบริษัท และบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการจัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ชำระค่าสินค้าและบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อหรือสัญญาหรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับท่าน
      2. (2) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น เพื่อการบริหารจัดการภายใน การจัดการ การพัฒนา และการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้า และ/หรือ บริการ (รวมถึงเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน) การวิจัย เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์ การตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกง หรืออาชญากรรมอื่น ๆ และการบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ
      3. (3) เพื่อประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงระบบไอที สารสนเทศ เช่น การเข้าสถานที่ของบริษัท การเข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
      4. (4) เพื่อการแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ผ่านทาง หนังสือ อีเมล เอสเอ็มเอส แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ และไดเร็กเมล
      5. (5) เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
    3. 1.3 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
    4. 1.4 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
    5. 1.5 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
    6. 1.6 กรณีที่ท่านให้ความยินยอมบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์กำหนดไว้ในแต่ละความยินยอม ดังนี้
      1. (1) เพื่อให้บริษัทดำเนินการจัดกิจกรรมนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น โดยบริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติมซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมจากท่านใหม่เป็นคราว ๆ ไป

    ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความยินยอมได้ในข้อ 4

  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
    1. 2.1 บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อคู่ธุรกิจติดต่อ ขายสินค้า หรือให้บริการใด ๆ แก่บริษัท เช่น
      1. (1) ข้อมูลนามบัตร เช่น ชื่อนามสกุล ตำแหน่งงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล
      2. (2) ข้อมูลที่ใช้ในการยืนยันตัวตนได้ เช่น ชื่อนามสกุล เลขที่และข้อมูลบนบัตรประชาชน รูปถ่าย และข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในการระบุตัวตน
      3. (3) ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของท่าน เช่น ข้อมูลประวัติและการปฏิบัติงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน และข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของท่าน รวมทั้งข้อมูลบัญชีและการเงินเช่น ค่าตอบแทน หมายเลขบัญชีธนาคาร
    2. 2.2 เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจเก็บภาพของท่านโดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และบริษัทจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่
    3. 2.3 เมื่อท่านติดต่อบริษัทหรือร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัท บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
      1. (1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีที่เกิด รูปถ่าย หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขใบขับขี่ หมายเลขหนังสือเดินทาง
      2. (2) ข้อมูลการติดต่อ เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ หรือข้อมูลโซเชียลมีเดีย
      3. (3) ข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรม เช่น ประวัติการร่วมกิจกรรมในครั้งก่อน ๆ
    4. 2.4 บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น
      1. (1) เมื่อบริษัทจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของบริษัท เช่น ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลใบหน้าสำหรับใช้ในการทำ facial recognition หรือลายนิ้วมือ) เพื่อใช้ในการระบุตัวตน
      2. (2) ในบางกรณี บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ เช่น บริษัทอาจจำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนซึ่งมีข้อมูลศาสนาของท่านเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่านหรือดำเนินการทางภาษี
      3. (3) ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการแพ้อาหาร เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
    5. 2.5 ในกรณีที่จำเป็น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน
  3. คุกกี้

    บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ตามนโยบายการใช้คุกกี้

  4. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
    1. 4.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
    2. 4.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
    3. 4.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อำนาจปกครองให้บริษัททราบเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย
  5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 5.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
    2. 5.2 กรณีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด บริษัทจะเก็บข้อมูล
      1. (1) ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้เป็นเวลา 30 วัน
      2. (2) ในกรณีจำเป็น เช่น กรณีที่จำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดี หรือกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเก็บรักษาไว้เกินกว่า 30 วันและบริษัทจะดำเนินการลบข้ออมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้น ๆ แล้ว
    3. 5.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
    4. 5.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาตได้
  6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
    1. 6.1 บริษัทอาจเปิดเผย แบ่งปันข้อมูล หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลที่สามต่อไปนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
      1. 1) บริษัทในเครือ เพื่อให้บริการตามที่ท่านต้องการหรือที่ได้รับอนุญาตจากท่าน และเพื่อช่วยให้บริษัทประสานงานติดต่อสื่อสารกับบริษัทในเครือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ
      2. 2) บุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท (“บุคคลอื่น”) บริษัทอาจใช้บริการ ตัวแทน หรือผู้รับจ้างอื่นเพื่อให้บริการต่างๆ แทนหรือเพื่อช่วยในการจัดหาสินค้าและบริการให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลนี้ให้แก่ผู้ให้บริการหรือผู้จัดหาสินค้าบริการจากภายนอก ได้แก่
        1. (1) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ สื่อดิจิทัล ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทผู้ให้บริการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อคเชน บริการส่ง SMS บริการ data analytics) ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่าง ๆ
        2. (2) ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง
        3. (3) ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินและระบบการชำระเงิน
        4. (4) บริษัทที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์
        5. (5) ผู้ตรวจสอบบัญชี
        6. (6) บริษัทที่ให้บริการด้านการตลาด สื่อโฆษณา การออกแบบ การสร้างสรรค์ และการสื่อสาร
        7. (7) บริษัทที่ให้บริการด้านแคมเปญ งานกิจกรรม การจัดงานด้านการตลาด และการบริหารลูกค้าสัมพันธ์
        8. (8) ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร
        9. (9) ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการคลาวด์
        10. (10) ทนายความ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย หน่วยงานทางด้านกฎหมาย ที่ปรึกษา หน่วยงานของรัฐ (เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ (ในประเทศไทยหรือที่อื่นใด) ที่มีความเกี่ยวข้องกับหมายเรียก คำสั่งศาล หรือกระบวนการหรือข้อกำหนดทางกฎหมายอื่น ๆ ภายใต้กฎหมายหรือกฎข้อบังคับของประเทศไทย หรือกฎหมายและกฎข้อบังคับของเขตอำนาจศาลอื่นที่ใช้บังคับกับบริษัท หรือบริษัทในเครือ เพื่อประโยชน์ของบริษัทรวมถึง การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายและต่อสู้สิทธิเรียกร้องในทางกฎหมาย ในการช่วยเหลือการดำเนินธุรกิจของบริษัท
        11. (11) ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บและ/หรือทำลายเอกสาร
        12. (12) ผู้แทนจำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ ของบริษัท
        13. (13) บริษัทประกันผู้ตรวจสอบ และสถาบันการเงินอื่น ๆ เพื่อจัดการความเสี่ยง เพื่อช่วยตรวจจับและป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมายและการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงการละเมิดอื่นๆ ต่อนโยบายและข้อตกลงของบริษัท รวมถึงบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
    2. 6.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
  7. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
    1. 7.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
    2. 7.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
    3. 7.3 ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
  8. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทและบริษัทได้นำมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลงเปลี่ยนแปลง และการทำลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
    2. 8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
  9. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้

    1. 1) ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    2. 2) ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    3. 3) ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
    4. 4) คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
    5. 5) ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymous)
    6. 6) ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    7. 7) แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    8. 8) ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  10. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

    บริษัทฯ อาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทฯประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งท่านควรเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ

  11. การจัดการกับเรื่องร้องเรียน หรือข้อสงสัย

    ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทฯ จัดเก็บ ใช้ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือสอบถามข้อสงสัยได้ที่ช่องทาง ดังต่อไปนี้

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
    2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
    แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
    โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8
    โทรสาร : (02) 033-0909
    อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า“บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้า รวมถึงบุคคลธรรมดาที่ดำเนินการให้ลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคลด้วย (ต่อไปนี้เรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบและทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

คำนิยาม

“ลูกค้า” หมายถึง ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท ลูกค้าบุคคลธรรมดาของพันธมิตรทางธุรกิจหรือบุคคลที่บริษัทให้บริการ หรือมีความสัมพันธ์อื่นในทางธุรกิจหรือทางกฎหมาย บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคล ได้แก่ ผู้แทนนิติบุคคล ผู้ถือหุ้น บุคคลธรรมดา ผู้ติดต่อ ตัวแทนบุคคลธรรมดา ผู้รับมอบอำนาจ ลูกจ้าง พนักงาน บุคลากรและบุคคลอื่นในทำนองเดียวกันของลูกค้านิติบุคคล หรือของลูกค้านิติบุคคลของผู้ใช้บริการของบริษัท บุคคลธรรมดาอื่นใดที่บริษัทมีความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ติดต่อกันโดยประการอื่นหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทไม่ว่าจะในทางใด

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

  1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น เพื่อการขายสินค้า และ/หรือ บริการให้แก่ท่าน หรือปฏิบัติตามสัญญาใด ๆ ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา ซึ่งรวมถึง การจัดการบัญชีผู้ใช้ (Account) ของท่าน, การจัดส่งสินค้า, การดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีและการเงิน, การบริการหลังการขาย และการคืนสินค้า และดำเนินการใด ๆ เพื่อให้ท่านได้รับสินค้าและ/หรือ บริการ หรือตามที่ท่านได้ร้องขอ
    2. 1.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น
      1. 1) เพื่อให้บริษัทสามารถจัดการ พัฒนา และดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้า และ/หรือบริการ (รวมถึงเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น) การตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกง หรืออาชญากรรมอื่น ๆ การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าและผู้ที่อาจเป็นลูกค้า การบำรุงรักษาและการใช้ระบบไอที
      2. 2) เพื่อประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วย เช่น การเข้าสถานที่ของบริษัท การเข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
      3. 3) เพื่อดำเนินการทางการตลาด และวิเคราะห์ข้อมูล (Marketing and Data Analysis) เช่น การแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ ผ่านทาง อีเมล เอสเอ็มเอส แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ ไดเร็กเมล รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการวิจัยทางการตลาด เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์
      4. 4) เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
    3. 1.3 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
    4. 1.4 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฏระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
    5. 1.5 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
    6. 1.6 กรณีที่ท่านให้ความยินยอม บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
      1. 1) เพื่อให้บริษัท บริษัทในเครือ และพันธมิตร ส่งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ผ่านทางอีเมล เอสเอ็มเอส แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ และไดเร็กเมล
      2. 2) เพื่อให้บริษัทดำเนินการจัดกิจกรรมนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น โดยอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม โดยจะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมจากท่านใหม่เป็นคราว ๆ ไป
  2. ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความยินยอมได้ในข้อ 4

  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
    1. 2.1 เมื่อท่านจะซื้อ หรือซื้อสินค้า และ/หรือ บริการ บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
      1. 1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปี สถานที่เกิด สถานภาพ ที่อยู่ รูปถ่าย ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนและหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ประวัติการสนทนาในแอปพลิเคชันต่าง ๆ เป็นต้น
      2. 2) ข้อมูลการติดต่อ เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ Line ID ที่อยู่ ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์ สถานที่ทำงาน เป็นต้น
      3. 3) ข้อมูลเกี่ยวกับงานของท่าน เช่น อาชีพ ตำแหน่ง ประสบการณ์การทำงาน เป็นต้น
      4. 4) ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อสินค้า และ/หรือบริการ เช่น ประวัติการซื้อสินค้า ประวัติการเคลมสินค้า ข้อร้องเรียน
      5. 5) ข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้แก่เมื่อท่านติดต่อบริษัท หรือบริษัทดูแลให้บริการหลังการขาย การทำวิจัย และการสัมภาษณ์
    2. 2.2 เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
      1. 1) ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้ เช่น IP Address และข้อมูลที่อยู่ (Location Data) หรือ Other device identifier
      2. 2) ชนิดและเวอร์ชั่นของเบราเซอร์ที่ท่านใช้ รวมถึงชนิดและเวอร์ชันของ plug-in ของเบราเซอร์
      3. 3) การตั้งค่าเขตเวลา (Time zone)
    3. 2.3 เมื่อท่านติดต่อบริษัท หรือร่วมกิจกรรมใด ๆ กับบริษัท เช่น ติดต่อ Contact Center การทำ Customer Satisfaction กิจกรรมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
      1. 1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปี สถานที่เกิด สถานภาพ ที่อยู่ รูปถ่าย ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนและหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ประวัติการสนทนาในแอปพลิเคชันต่าง ๆเป็นต้น
      2. 2) ข้อมูลการติดต่อ เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ Line ID ที่อยู่ ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์ สถานที่ทำงาน เป็นต้น
      3. 3) ข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรม เช่น ประวัติการร่วมกิจกรรมในครั้งก่อน ๆ หรือภาพถ่ายในแต่ละกิจกรรม
    4. บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น
      1. 1) ในบางกรณี บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน แม้ว่าสินค้าหรือบริการนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อมูลชนิดพิเศษโดยตรง เช่น บริษัทจำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนของท่าน ซึ่งมีข้อมูลศาสนา เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่าน หรือดำเนินการทางภาษี
      2. 2) ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการแพ้อาหาร เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
    5. ในกรณีที่จำเป็น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน
  4. คุกกี้

    บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ตามนโยบายการใช้คุกกี้

  5. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
    1. 4.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
    2. 4.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
    3. 4.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อำนาจปกครองให้บริษัททราบเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย
  6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 5.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
    2. 5.2 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
    3. 5.3 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาตได้
  7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
    1. 6.1 บริษัทอาจเปิดเผย แบ่งปันข้อมูล หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลที่สามต่อไปนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
      1. 1) บริษัทในเครือ เพื่อให้บริการตามที่ท่านต้องการหรือที่ได้รับอนุญาตจากท่าน และเพื่อช่วยให้บริษัทประสานงานติดต่อสื่อสารกับบริษัทในเครือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ
      2. 2) บุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท (“บุคคลอื่น”) บริษัทอาจใช้บริการ ตัวแทน หรือผู้รับจ้างอื่นเพื่อให้บริการต่างๆ แทนหรือเพื่อช่วยในการจัดหาสินค้าและบริการให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลนี้ให้แก่ผู้ให้บริการหรือผู้จัดหาสินค้าบริการจากภายนอก ได้แก่
        1. (1) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ สื่อดิจิทัล ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทผู้ให้บริการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อคเชน บริการส่ง SMS บริการ data analytics) ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่าง ๆ
        2. (2) ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง
        3. (3) ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินและระบบการชำระเงิน
        4. (4) บริษัทที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์
        5. (5) ผู้ตรวจสอบบัญชี
        6. (6) บริษัทที่ให้บริการด้านการตลาด สื่อโฆษณา การออกแบบ การสร้างสรรค์ และการสื่อสาร
        7. (7) บริษัทที่ให้บริการด้านแคมเปญ งานกิจกรรม การจัดงานด้านการตลาด และการบริหารลูกค้าสัมพันธ์
        8. (8) ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร
        9. (9) ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการคลาวด์
        10. (10) ทนายความ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย หน่วยงานทางด้านกฎหมาย ที่ปรึกษา หน่วยงานของรัฐ (เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ (ในประเทศไทยหรือที่อื่นใด) ที่มีความเกี่ยวข้องกับหมายเรียก คำสั่งศาล หรือกระบวนการหรือข้อกำหนดทางกฎหมายอื่น ๆ ภายใต้กฎหมายหรือกฎข้อบังคับของประเทศไทย หรือกฎหมายและกฎข้อบังคับของเขตอำนาจศาลอื่นที่ใช้บังคับกับบริษัท หรือบริษัทในเครือ เพื่อประโยชน์ของบริษัทรวมถึง การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายและต่อสู้สิทธิเรียกร้องในทางกฎหมาย ในการช่วยเหลือการดำเนินธุรกิจของบริษัท
        11. (11) ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บและ/หรือทำลายเอกสาร
        12. (12) ผู้แทนจำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ ของบริษัท
        13. (13) บริษัทประกันผู้ตรวจสอบ และสถาบันการเงินอื่น ๆ เพื่อจัดการความเสี่ยง เพื่อช่วยตรวจจับและป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมายและการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงการละเมิดอื่นๆ ต่อนโยบายและข้อตกลงของบริษัท รวมถึงบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

      ในระหว่างการให้บริการดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการเท่าที่จำเป็นต่อการให้บริการเท่านั้น

      และบริษัทจะขอให้ผู้ให้บริการไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนี้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ บริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการที่บริษัททำงานด้วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด

    2. 6.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
  8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
    1. 7.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
    2. 7.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
    3. 7.3 ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
  9. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทและบริษัทได้นำมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลงเปลี่ยนแปลง และการทำลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
    2. 8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
  10. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปดังนี้

    1. 1) ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    2. 2) ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    3. 3) ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
    4. 4) คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
    5. 5) ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymous)
    6. 6) ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    7. 7) แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    8. 8) ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  11. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

    บริษัทฯ อาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทฯประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งท่านควรเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ

  12. การจัดการกับเรื่องร้องเรียน หรือข้อสงสัย

    ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทฯ จัดเก็บ ใช้ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือสอบถามข้อสงสัยได้ที่ช่องทาง ดังต่อไปนี้

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
    2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
    แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
    โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8
    โทรสาร : (02) 033-0909
    อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า“บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของพนักงาน และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพนักงานได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบ และทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

คำนิยาม

“พนักงาน” หมายถึง ผู้สมัครงานที่เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำสัญญาจ้างงานกับบริษัท เพื่อทำงานให้แก่บริษัทในฐานะพนักงานประจำ พนักงานอัตราจ้าง พนักงานชั่วคราว พนักงานที่อยู่ภายใต้การจ้างงานของผู้ให้บริการจัดหางาน (Outsource)และพนักงาน (Freelance) ที่เข้ามาทำงานให้กับบริษัท แล้วแต่กรณี

“ผู้ฝึกงาน” หมายถึง ผู้สมัครเข้าฝึกงาน และนักศึกษาฝึกงานที่ได้รับคัดเลือกเพื่อเข้าฝึกงานกับบริษัทในระหว่างกำลังศึกษา

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

  1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของพนักงานก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญากับบริษัทเช่น จัดทำสัญญาจ้างงาน ข้อตกลง การปฏิบัติตามสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท จรรยาบรรณ การมอบหมายให้ปฏิบัติงาน การโยกย้ายพนักงาน การส่งพนักงานไปปฏิบัติงานในองค์กรอื่น การฝึกอบรมการประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตำแหน่งงานและค่าตอบแทน การบริหารและการดูแลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
    2. 1.2 เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฏหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายควบคุมการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กฎหมายควบคุมโรคติดต่อ
    3. 1.3 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ การศึกษาวิเคราะห์และจัดสรรกำลังคน การพัฒนาพนักงาน การจัดสวัสดิการรักษาพยาบาล การจัดสวัสดิการด้านการประกันภัย และสวัสดิการอื่น ๆ ของพนักงาน เช่น สถานพยาบาล โรงอาหาร ศูนย์กีฬา สถานที่ออกกำลังกาย การดำเนินการเรื่องกิจกรรมพนักงาน การบริหารด้านการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การติดต่อกับบุคคลภายนอก การดำเนินการต่าง ๆ ทางทะเบียน การมอบอำนาจ การจัดทำหนังสือรับรอง การจัดทำเอกสารเผยแพร่แก่สาธารณะ การจัดทำรายงาน การส่งข้อมูลให้หน่วยงานราชการ/หน่วยงานกำกับดูแล การยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจากพนักงาน การวิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงาน การติดต่อ ส่งข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ การสร้างบัญชีผู้ใช้งาน การระบุตัวตนเพื่อเข้าใช้ระบบงาน และการเข้าถึงระบบสารสนเทศ การรักษาความปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม การตรวจสอบและจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและการทุจริต คดีหรือข้อพิพาทต่าง ๆ การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
    4. 1.4 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงานหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
    5. 1.5 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
    6. 1.6 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่พนักงานได้ให้ไว้ในแต่ละคราว
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
    1. 2.1 ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาพนักงาน เช่น Resume Curriculum Vitae (CV) จดหมายสมัครงานใบสมัครงาน ความเห็นประกอบการสรรหาพนักงาน
    2. 2.2 ข้อมูลในการติดต่อกับพนักงาน เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลโซเชียลมีเดีย
    3. 2.3 ข้อมูลเกี่ยวกับตัวของพนักงาน เช่น วันเดือนปีเกิด อายุ เพศ สถานะการสมรส ความสนใจ ความคิดเห็น
    4. 2.4 ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของพนักงานที่มีสิทธิได้รับสวัสดิการตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส ข้อมูลเกี่ยวกับบุตร ข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดา ผู้รับผลประโยชน์ ทั้งนี้ ก่อนการให้ข้อมูลกับบริษัท ให้พนักงานแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ให้บุคคลดังกล่าวทราบด้วย
    5. 2.5 รูปถ่ายและภาพเคลื่อนไหว
    6. 2.6 ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถ และการพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่น ๆ ของพนักงาน เช่น ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา สถาบัน/มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ผลการศึกษา ผลการทดสอบ สิทธิในการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางด้านภาษา และความสามารถอื่น ๆ ข้อมูลจากการอ้างอิงที่พนักงานได้ให้แก่บริษัท
    7. 2.7 ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานในอดีต เช่น ตำแหน่งงาน รายละเอียดของนายจ้าง เงินเดือนและค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ
    8. 2.8 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่สามารถปฏิบัติงานได้
    9. 2.9 ข้อมูลเกี่ยวกับภาระทางทหาร
    10. 2.10 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของพนักงาน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งอาจได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์ของบริษัทและพนักงานของบริษัทในระหว่างการปฏิบัติงานหรือเข้าร่วมกิจกรรม
    11. 2.11 ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการรายงานหน่วยงานที่กำกับดูแล เช่น กระทรวงแรงงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
    12. 2.12 ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลค่าจ้าง เงินเดือน รายได้ ภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บัญชีธนาคาร การกู้ยืมเงิน รายการยกเว้นหรือหักลดหย่อนทางภาษี การถือหลักทรัพย์ ชื่อบริษัทหลักทรัพย์
    13. 2.13 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม การคุ้มครองแรงงาน สิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และผลประโยชน์ที่พนักงานได้รับหรือมีสิทธิที่จะได้รับตามข้อบังคับและระเบียบบริหารงานบุคคลของบริษัท
    14. 2.14 บันทึกการเข้าออกงานและระยะเวลาในการปฏิบัติงาน การทำงานล่วงเวลา การขาดและลางาน
    15. 2.15 ข้อมูลประวัติการปฏิบัติงาน ตำแหน่งงาน การเข้าประชุม การให้ความเห็น ในการที่เป็นกรรมการบริษัท จะมีการเพิ่มเติมข้อมูล ประวัติกรรมการ ทะเบียนกรรมการ
    16. 2.16 ข้อมูลการใช้งานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ ระบบงาน เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ระบบโครงข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอีเมล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    17. 2.17 ข้อมูลที่รวบรวมจากการมีส่วนร่วมกับบริษัท เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม การตอบแบบสำรวจ การตอบแบบประเมิน
    18. 2.18 ข้อมูลที่พนักงานเลือกจะแบ่งปันและเปิดเผยผ่านระบบแอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถาม แบบประเมิน และเอกสารต่างๆ ของบริษัท
    19. 2.19 สำเนาเอกสารที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของพนักงาน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง เอกสารอื่น ๆ ที่ออกให้โดยหน่วยงานของรัฐ ทะเบียนราษฎร์
    20. 2.20 รายละเอียดของผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
    21. 2.21 ข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะ ใบอนุญาตขับขี่ ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ และกรณีที่พนักงานขับขี่ยานพาหนะที่บริษัทจัดหาให้ บริษัทจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ยานพาหนะของพนักงานด้วย
    22. 2.22 ข้อมูลอื่นที่จำเป็นต่อการตรวจสอบความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลข้อมูลการถือหุ้นและความสัมพันธ์กับคู่ธุรกิจ
    23. 2.23 ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ทั้งในกรณีที่พนักงานประสบอุบัติเหตุในเวลางานหรืออันเนื่องมาจากการปฏิบัติงาน และอุบัติเหตุอื่น
    24. 2.24 ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารงานของบริษัท การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน และการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ
    25. 2.25 ข้อมูลที่เกี่ยวกับการร้องเรียน การร้องทุกข์ การสอบสวน การลงโทษทางวินัย

    ทั้งนี้ หากพนักงานปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือเพื่อเข้าทำสัญญาแก่บริษัท อาจทำให้การปฏิบัติงานตามสัญญาและสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการหรือบริการที่บริษัทจัดไว้ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์

  3. ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ
    1. 3.1 บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงานเพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
    2. 3.2 บริษัทอาจต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงาน ในกรณีดังต่อไปนี้
      • ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ตาบอดสี ผลการตรวจร่างกาย ข้อมูลการแพ้อาหาร ข้อมูลการแพ้ยา หมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการจ่ายยา ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงานและการจัดให้มีสวัสดิการเกี่ยวกับ การรักษาพยาบาลสำหรับพนักงาน การประเมินความสามารถในการทำงานของพนักงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของพนักงานเพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมอื่น ๆ
      • ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เพื่อใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของพนักงาน การป้องกันอาชญากรรม และการรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น
      • ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงานและรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น
      • ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา เชื้อชาติ สัญชาติ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
      • ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลในกรณีที่พนักงานไม่สามารถให้ความยินยอมได้ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของพนักงาน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม และสวัสดิการของพนักงาน
    3. 3.3 ในกรณีที่จำเป็น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงานโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากพนักงานหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของพนักงาน
    4. 3.4 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ซึ่งจะเก็บจากการหลักฐานที่พนักงานนำมาแสดงหรือหรือพนักงานยินยอมให้ตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวตามที่กฎหมายกำหนด
  4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

    โดยทั่วไปบริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้รับจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสารที่บริษัทจัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัทได้กำหนด อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของกิจกรรมบางประเภท อาจมีกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่านบางประการ ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่าน โดยมีรายละเอียดช่องทางการได้รับข้อมูล ดังนี้

    1. 4.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง

      เช่น เมื่อท่านยื่นใบสมัครงานและเอกสารประกอบการสมัครงานให้แก่บริษัทข้อมูลในระหว่างการปฏิบัติงาน ข้อมูลเมื่อท่านระบุ หรือตั้งค่าสาธารณะผ่านสื่อโซเชียล หรือในเว็บไซต์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น Workplace google รวมถึงข้อมูลที่ได้จากการเข้าทำสัญญากับบริษัท และข้อมูลที่ได้จากการส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท เป็นต้น

    2. 4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ

      บริษัท อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ที่คล้ายคลึงกัน

    3. 4.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก

      ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุม หรือประมวลผลข้อมูล โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้ ซึ่งได้แก่ ข้อมูลที่ได้จากการโต้ตอบทางโทรศัพท์ และข้อมูลที่ได้จากแบบฟอร์ม เอกสารต่าง ๆ เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงานกับบริษัท เป็นต้น

    หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกใด ๆ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา บุคคลในครอบครัว ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และมีหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามประกาศฉบับนี้ได้ อีกทั้ง ท่านต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบ และขอรับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง

  5. ฐานการประมวลผล

    บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาจอาศัยหรืออ้าง

    1. (1) ฐานความยินยอม เพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน
    2. (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน
    3. (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
    4. (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก
    5. (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ
    6. (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลของท่านโดยแยกตามกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ระบุตามตารางนี้
    ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานการประมวลผล
    1 การดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครงานกับบริษัท เช่น การคัดเลือก การจัดทำสัญญา การดำเนินการตามกระบวนการสรรหา การตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงการปฏิบัติตามสัญญา การจ่ายค่าตอบแทน การให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    2 การขึ้นทะเบียนพนักงาน การจัดเตรียมบัตรพนักงาน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล username & password สำหรับการเข้าระบบต่าง ๆ ที่จำเป็น และอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานของพนักงาน หรือผู้ฝึกงาน การปฏิบัติตามสัญญา
    3 การจัดทำหรือต่ออายุวีซ่า ใบอนุญาตทำงาน การขอต่อใบอนุญาตที่เกี่ยวกับการทำงานของพนักงาน การเก็บข้อมูลใบอนุญาต และข้อมูลการเพิกถอนใบอนุญาต (เฉพาะตำแหน่งซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้มีใบอนุญาต) และการปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน การปฏิบัติตามสัญญา/ การปฏิบัติตามกฎหมาย
    4 การเก็บบันทึกข้อมูลเกี่ยวโรคประจำตัว ผลการตรวจสุขภาพ โรคติดต่อ และการตรวจสุขภาพก่อนการทำงาน และตรวจสุขภาพประจำปี ตามระเบียบบริษัท หรือตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประเมินความสามารถในการทำงาน รวมถึงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญา รับผลการตรวจจากโรงพยาบาลคู่สัญญา เพื่อจัดทำทะเบียน การประกันสังคม สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานตามสิทธิของพนักงาน และเพื่อการบริหารจัดการด้านประกันชีวิต และประกันภัยกลุ่ม ตามระเบียบบริษัท การปฏิบัติตามสัญญา/ ความยินยอม
    5 การเก็บข้อมูลความพิการ เพื่อการคุ้มครองแรงงาน รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามสัญญาความยินยอม/การปฏิบัติตามกฎหมาย
    6 การเก็บข้อมูลชีวภาพ (Biometrics) ของพนักงาน เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้าเพื่อบันทึกการเข้า-ออกสถานที่ทำงาน หรือสถานที่ของบริษัท ระบุและยืนยันตัวตนของท่าน การรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การป้องกันอาชญากรรม ความยินยอม
    7 การเก็บข้อมูลประวัติอาชญากรรม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน ความยินยอม
    8 การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน ความยินยอม
    9 การบริหารจัดการเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทน ค่าจ้าง โบนัส ค่าล่วงเวลา ค่าที่พัก ค่าเดินทาง รวมถึงผลประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับพนักงาน การปฏิบัติตามสัญญา / การปฏิบัติตามกฎหมาย
    10 การบริหารจัดการเรื่องกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนเงินทดแทน การบริหารจัดการด้านภาษีอากรของพนักงาน เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี การปฏิบัติตามสัญญา / การปฏิบัติตามกฎหมาย
    11 การบริหารจัดการด้านการป้องกัน มาตรการบรรเทาอุบัติเหตุและอุบัติภัย การรายงานการใช้บริการห้องพยาบาล การตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัทฯ การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    12 การนำส่งโรงพยาบาล กรณีเหตุฉุกเฉินหรืออันตรายต่อชีวิต ร่างกาย พนักงาน ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
    13 การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    14 การส่งข้อมูลพนักงานให้ผู้ให้บริการภายนอก เพื่อทำการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลด้านค่าตอบแทน จัดทำเงินเดือน และประเมินผลการปฏิบัติงาน การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถของพนักงาน การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    15 การประกาศวันเกิด และการแสดงความยินดีเกี่ยวกับการมีบุตร รวมถึงการแสดงความอาลัยเกี่ยวกับการสูญเสียบุคคลในครอบครัวของพนักงาน เพื่อประ โยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/ความยินยอม
    16 การบริหารจัดการด้านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการจ้างงานของพนักงานตลอดระยะเวลาการทำงาน เช่น การนำข้อมูลพนักงานไปใช้อ้างอิง (Reference) ตามสัญญาระหว่างบริษัท กับ คู่ค้า ลูกค้าของบริษัท การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    17 การถ่ายภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว การถ่ายภาพพิธีการ ภาพรวมบรรยากาศ การจัดงานเลี้ยงวันเกิด งานเลี้ยงปีใหม่ งานสังสรรค์ งานประชุม อบรม สัมมนา การจัดงานท่องเที่ยวประจำปี กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น การปฏิบัติตามสัญญา /เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    18 การบริหารจัดการด้านวันหยุด วันลา การขาดงาน และรายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติตามสัญญา
    19 การบริหารจัดการด้านสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีพนักงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือปรากฎเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ของบริษัท การปฏิบัติตามสัญญา/ ความยินยอม
    20 การตอบแบบสอบถาม การแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติงาน การปฏิบัติตามสัญญา / เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    21 ประกาศรายชื่อพนักงาน ข้อมูลการติดต่อ การประกาศพนักงานใหม่ และการประกาศกรณีพ้นสภาพ หรือได้รับการคัดเลือกเป็นพนักงานดีเด่นหรือได้รับรางวัล ประกาศครบอายุการทำงาน(การเกษียณ) ประกาศเลื่อนตำแหน่ง และการย้ายหน่วยงาน ของพนักงาน เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    22 การอายัดเงินเดือน หรือค่าตอบแทนอื่นใดตามหมาย หรือคำสั่งของกรมบังคับคดี หรือคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย การปฏิบัติตามกฎหมาย
    23 ประวัติและผลการเข้ารับการอบรม การทดสอบ ผลการประเมิน และการสอบวัดความรู้ ทัศนคติ และการวัดผลในด้านต่าง ๆ สำหรับพนักงาน รวมถึงการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน รวมถึงการวิเคราะห์ลักษณะของท่าน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนะคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ในระหว่างที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทหรือบริษัทในเครือ การปฏิบัติตามสัญญา / เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    24 การบันทึก ผลการประเมินของพนักงานจาก เพื่อนร่วมงาน นายจ้าง ลูกจ้าง รวมถึงการบันทึกผลการทำงาน ประวัติทางการเงิน ประวัติทางคดี เพื่อพิจารณาปรับตำแหน่ง ปรับเงินเดือน และพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ หรือโบนัส การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    25 การตรวจสอบ การสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมทุจริต หรือขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบของบริษัท และข้อบังคับการทำงานของบริษัท การพิจารณาและลงโทษทางวินัย การดำเนินการใดๆ เพื่อดำเนินคดี หรือดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อใช้สิทธิตามสัญญาและตามกฎหมาย การปฏิบัติตามสัญญา / การปฏิบัติตามกฎหมาย
    26 การส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของพนักงานให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานที่มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ตำรวจ คปภ. ปปง. กรมสรรพากร กรมบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น การปฏิบัติตามกฎหมาย
    27 การบริหารจัดการการลาออก การเกษียณอายุ การเลิกจ้างพนักงาน เพื่อการเปิดเผยข้อมูลให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร ธนาคาร สำนักงานประกันสังคม สนง.ตรวจคนเข้าเมือง กองงานคนต่างด้าว เป็นต้น การปฏิบัติตามสัญญา /การปฏิบัติตามกฎหมาย
    28 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่าน หรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน ผลการตรวจและมาตรการป้องกันและการควบคุมโรคติดต่อ การบันทึกอุณหภูมิ และประวัติการเดินทางของท่าน ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่ายกาย หรือสุขภาพของบุคคล/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/การปฏิบัติตามกฎหมาย
  6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 6.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท โดยมีกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดสัญญาจ้างหรือสิ้นสุดการฝึกงาน
    2. เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบ กรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใด ๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต

    3. 6.2 บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไว้ตลอดระยะเวลาที่เป็นพนักงานของบริษัท เพื่อปฏิบัติตามสัญญาและตามระยะเวลาที่จำเป็นหลังจากสิ้นสุดการเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว
    4. 6.3 บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของพนักงานของบริษัทไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นต่อการประมวลผลเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองต่อสิทธิของพนักงานในการได้รับสวัสดิการตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัท
    5. 6.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานโดยขอความยินยอมจากพนักงาน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าพนักงานจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำขอของพนักงานเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าพนักงานเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของพนักงานในอนาคตได้
    6. 6.5 เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย
  7. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 7.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามกฎหมายให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้
      • บริษัทในเครือ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      • ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหา และคัดเลือกบุคลากร การจ้างงาน การรับจ้างทำเงินเดือน การจ่ายเงินเดือน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บริษัทประกันชีวิต โรงพยาบาลคู่สัญญา รวมถึงผู้พัฒนาระบบสารสนเทศอื่น ๆ ที่บริษัทจัดให้มีขึ้น และบุคคลอื่นที่จำเป็น เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจ และให้บริการแก่พนักงาน รวมถึงมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของบริษัท
      • บริษัทในเครือ คู่ค้า ผู้ว่าจ้าง ที่ปรึกษา ลูกค้าของบริษัท บุคคลที่บริษัทเข้าประมูลงานหรือเสนอขายสินค้าหรือให้บริการ รวมทั้งบุคคลภายนอกที่มีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      • หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล พนักงานสอบสวน อัยการ กรมบังคับคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือองค์กรอื่นใดที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดโดยกฎหมายในการขอข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงอาจมีการเปิดเผยให้หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีของบริษัทเองด้วย
      • ผู้เกี่ยวข้องในกรณีการปรับโครงสร้างองค์กร หรือการควบรวมกิจการของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจต้องมีการโอนสิทธิไปยังกิจการดังกล่าว และอาจจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
    2. 7.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบรวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้นโดยในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
  8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
    1. 8.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของพนักงานหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของพนักงานก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงานหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
    2. 8.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
    3. 8.3 ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะได้รับการคุ้มครองและพนักงานสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพนักงานอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
  9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะเคารพสิทธิของท่านและจะดำเนินการตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลของท่านภายใต้สถานการณ์บางประการ อย่างทันท่วงที

    ท่านมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้

    1. 9.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากบริษัทฯ สามารถใช้ฐานอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    2. 9.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิในการขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ
    3. 9.3 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์
    4. 9.4 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป โดยท่านสามารถใช้สิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบข้อมูลส่วนบุคคลนี้ควบคู่ไปกับสิทธิในการคัดค้านในข้อถัดไป อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธินี้จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิเพื่อขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด โดยบริษัทฯ จะพิจารณาแต่ละคำขอด้วยความระมัดระวังตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    5. 9.5 สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ ประมวลผลภายใต้ฐานผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากบริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด การบันทึกและวิเคราะห์ลักษณะทางจิตวิทยาและพฤติกรรมของบุคคล (Profiling)
    6. 9.6 สิทธิในการขอให้มีการระงับการประมวลผล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว เช่น เมื่อท่านต้องการให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเมื่อท่านร้องขอให้บริษัทฯ พิสูจน์เหตุผล หรือฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    7. 9.7 สิทธิในการส่งหรือโอนย้ายข้อมูล: ในบางกรณี ท่านสามารถขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่สามารถใช้งานโดยทั่วไปได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น สิทธิดังกล่าวนี้จะใช้ได้เฉพาะในกรณีของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัทฯ และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้กระทำโดยอาศัยความยินยอมของท่าน หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการประมวลผลเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันภายใต้สัญญาได้
    8. 9.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน: ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านเห็นว่า บริษัทฯ หรือพนักงานของบริษัทฯ หรือผู้ให้บริการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ฯ หรือประกาศอื่น ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว ท่านอาจใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ตลอดเวลา โดยติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางช่องทางการติดต่อตามที่ระบุไว้

    บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องขอข้อมูลบางประการจากท่านเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่านและรับรองสิทธิของท่านในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (หรือเพื่อใช้สิทธิอื่นใด) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยที่จะทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว

    บริษัทฯ จะใช้ความพยายามในการตอบกลับคำขอที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดภายใน 30 วัน ในบางกรณี บริษัทฯ อาจใช้เวลามากกว่า 30 วันหากคำขอของท่านมีความซับซ้อน หรือท่านยื่นคำขอเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งคำขอ ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบและจะทำการแจ้งสถานะของคำขอให้ท่านทราบอยู่เสมอ

  10. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง บริษัทฯ จะตรวจสอบและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขององค์กร ทั้งทางกายภาพ และทางเทคนิคที่เหมาะสมอยู่เสมอ ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกเปิดเผย และนำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ หรือ เข้าถึงโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พนักงานหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทฯ

  11. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
    1. 11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของพนักงาน พนักงานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของพนักงานที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่พนักงานได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
    2. 11.2 หากพนักงานถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
  12. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

    บริษัทฯ อาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทฯประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

  13. การจัดการกับเรื่องร้องเรียน หรือข้อสงสัย

    ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทฯ จัดเก็บ ใช้ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือสอบถามข้อสงสัยได้ที่ช่องทาง ดังต่อไปนี้

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
    2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
    แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
    โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8
    โทรสาร : (02) 033-0909
    อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า“บริษัท”) ใช้อุปกรณ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในการเฝ้าดูแลพื้นที่ภายในและรอบๆ อาคารสถานที่ เพื่อคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สิน บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พนักงาน กรรมการ ผู้รับจ้าง ลูกจ้าง ผู้มาเยือน หรือบุคคลใดๆ ทั้งหมดที่เข้ามาในพื้นที่ที่มีการเฝ้าดูแลภายในอาคารและสถานที่ผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (เรียกรวมกันว่า “ท่าน”) นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และโอนข้อมูลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) เกี่ยวกับท่าน และระบุถึงวิธีการในการจัดการหรือการใช้ระบบ CCTV ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทอาจทำการแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายฉบับนี้ได้ทุกเมื่อและจะแจ้งถึงการแก้ไขดังกล่าวให้ท่านได้ทราบเท่าที่จะดำเนินการได้

  1. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูล
    1. 1.1 วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล

      บริษัทบันทึกและจัดเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิด (CCTV) และกล้องบันทึกภาพสำหรับกิจกรรมต่างๆที่บริษัทติดตั้งไว้บริเวณอาคารและสถานที่ต่างๆ ของบริษัท ตามมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุอันตรายอันอาจเกิดขึ้นต่อผู้เข้าใช้อาคาร สถานที่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท ตลอดจนเป็นการเก็บเพื่อเป็นหลักฐานสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประชุม อบรม สัมมนา

    2. 1.2 ฐานในการประมวลผลข้อมูล

      บริษัทฯ จะไม่เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ประมวลผล โอน และดำเนินการใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ การบันทึก ถือครอง ปรับเปลี่ยนแก้ไข ทำลาย ลบ กู้คืน รวม ทำสำเนา ส่ง จัดเก็บ แยก เปลี่ยน หรือเพิ่ม กับข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่านโดยไม่ได้รับความยินยอม ยกเว้นภายใต้ฐานในกรณีต่อไปนี้

      1. (1) ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมาย (Legitimate Interest): บริษัทนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่พนักงาน ผู้ใช้บริการ และบุคคลอื่นที่เข้ามาภายในอาคารและสถานที่ รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของบริษัทไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าออกเขตหวงห้าม รวมถึงใช้ในการสอบสวนเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในอาคารและสถานที่ ตลอดจนเป็นการเก็บเพื่อเป็นหลักฐานสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประชุม อบรม สัมมนา
      2. (2) ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation): บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฏหมายตามที่หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฏหมายร้องขอ หรือใช้เพื่อเป็นพยานหลักฐานกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในหรือบริเวณอาคารและสถานที่ และเพื่อบันทึกเป็นหลักฐานสำหรับกิจกรรมต่างๆ ตามที่กฏหมายกำหนด
      3. (3) ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (Vital Interest): เพื่อรักษาประโยชน์อันจำเป็นต่อชีวิต เป็นการจำเป็นต่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  2. ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม

    บริษัทฯ เก็บรวบรวมภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวของท่าน ภาพสิ่งของ รวมถึงทรัพย์สินของท่าน (เช่น ยานพาหนะ) เมื่อท่านเข้าสู่พื้นที่ที่มีการสอดส่องดูแลภายในอาคารและสถานที่ผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“ข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด”) ในบางกรณี บริษัทฯ อาจจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของท่าน (เช่น การจดจำใบหน้าของท่าน) แต่ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้

  3. วิธีการที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    1. 3.1 บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน และดำเนินการใดๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ การบันทึก ถือครอง ปรับ เปลี่ยน แก้ไข ทำลาย ลบ กู้คืน รวม ทำสำเนา ส่ง จัดเก็บ แยก เปลี่ยน หรือเพิ่ม กับข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าน เพื่อ “วัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด” ดังต่อไปนี้
      1. (1) เพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงทรัพย์สินของท่าน
      2. (2) เพื่อปกป้องอาคาร สถานที่ และทรัพย์สินจากความเสียหาย ความขัดข้อง การทำลายทรัพย์สิน และอาชญากรรมอื่นๆ(3) เพื่อสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขัดขวาง ป้องกัน และตรวจจับอาชญากรรม รวมถึงการฟ้องร้องเมื่อ เกิดอาชญากรรม
      3. (4) เพื่อช่วยเหลือในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการยุติเรื่องร้องทุกข์อย่างมีประ สิทธิภาพ
      4. (5) เพื่อช่วยเหลือในการสอบสวนหรือกระบวนพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเบาะแส
      5. (6) เพื่อสนับสนุนในการก่อตั้งสิทธิหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ คดีทางแพ่ง และคดีแรงงาน
      6. (7) เพื่อยืนยันตัวบุคคลและเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
    2. 3.2 บริษัทฯ จะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในที่ที่เห็นได้ง่าย พื้นที่ที่บริษัทฯ จะไม่ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้แก่ ห้องน้ำ และลิฟท์
    3. 3.3 กล้องโทรทัศน์วงจรปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และจะไม่มีการบันทึกเสียง
    4. 3.4 บริษัทฯ จะติดตั้งป้ายแจ้ง “สถานที่นี้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย” ที่จุดทางเข้าและทางออก และในพื้นที่ที่มีการสอดส่องดูแลโดยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อให้ท่านทราบว่าในบริเวณนั้นมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
  4. บุคคลที่บริษัทฯ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    1. 4.1 บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่เกี่ยวข้องกับท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผยหรือโอนข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ใด ยกเว้น บริษัทในเครือ บุคคลภายนอกที่บริษัทฯ คัดเลือกอย่างระมัดระวังทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผู้ที่ได้รับสิทธิ หุ้นส่วนของกิจการร่วมค้า และ/หรือผู้ให้บริการ ซึ่งอาจอยู่ในต่างประเทศเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ระบุในนโยบายนี้
    2. 4.2 บุคคลภายนอกที่บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับท่าน รวมถึง
      1. (1) บริษัทในเครือ บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับท่านให้แก่บริษัทในเครือ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ และของบริษัทฯ ในเครือในการทำตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
      2. (2) หน่วยงานรัฐและ/หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อสนับสนุนหรือช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสอบสวนหรือดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีแพ่งหรืออาญา
      3. (3) ผู้ให้บริการจากภายนอก บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับท่านเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการปกป้องสุขภาพ ความปลอดภัย และทรัพย์สินของท่าน
  5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
    1. 5.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไปยังบริษัทในเครือ และผู้ให้บริการจากภายนอก ที่อยู่นอกประเทศไทย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการปกป้องสุขภาพ ความปลอดภัย และทรัพย์สินของท่าน การเปิดเผยหรือโอนข้อมูลดังกล่าวจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านเท่านั้น เว้นแต่จะมีฐานทางกฎหมายที่สำคัญอื่นๆ (เช่น เพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทฯ และบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน) ตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด
    2. 5.2 ถ้าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดถูกโอนไปยังประเทศปลายทางที่มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลไม่เพียงพอตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยกำหนด บริษัทฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่โอนไปยังบุคคลอื่นในต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูลนั้นได้รับการคุ้มครองในระดับเดียวกับที่บริษัทฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น
  6. มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
    1. 6.1 บริษัทฯ ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงองค์กร เชิงเทคนิค และเชิงบริหารจัดการตามสมควรในการคุ้มครองข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดและข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านจากความเสียหาย การสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง หรือการเปิดเผยโดยอุบัติเหตุ โดยมิชอบ หรือโดยปราศจากอำนาจ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด
    2. 6.2 บริษัทฯ จะทำการตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ เป็นครั้งคราวตามที่จำเป็นหรือเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพและเหมาะสม และเป็นไปตามข้อกำหนดขั้นต่ำทางกฎหมาย ตามที่หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกำหนด
  7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในระบบของบริษัทฯ เป็นระยะเวลาที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามหน้าที่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ระบุในนโยบายนี้ เมื่อบริษัทฯ ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอีกต่อไป บริษัทฯ จะทำการลบข้อมูลออกจากระบบและบันทึกของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการดำเนินการทางศาลหรือทางวินัย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอาจถูกเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ในการยื่นอุทธรณ์ หลังจากนั้นข้อมูลจะถูกลบหรือเก็บถาวรตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

  8. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกบันทึกโดยกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของบริษัทฯ ท่านอาจจะมีสิทธิต่อไปนี้ตามกฎหมายและข้อยกเว้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    1. 8.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล ท่านมีสิทธิเข้าถึงและขอรับสำเนาของข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่เกี่ยวกับท่าน หรือขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่บริษัทฯ ได้มาโดยไม่ได้รับความยินยอม โดยจะต้องส่งคำขอเป็นหนังสือไปยัง หน่วยงานที่รับผิดชอบข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด บริษัทฯ จะดำเนินการกับคำขอของท่านภายใน 30 วันนับจากวันที่บริษัทฯ ได้รับคำขอของท่าน บริษัทฯ อาจปฏิเสธคำขอของท่านตามสิทธิตามกฎหมายของบริษัทฯ หรือตามคำสั่งศาล และหากการเข้าถึงและคำขอสำเนาข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่เกี่ยวกับท่านอาจกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น หากบริษัทฯ ตัดสินว่าต้องปฏิเสธคำขอของท่าน บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมเหตุผล และส่งหนังสือดังกล่าวให้ท่านภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
    2. 8.2 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ท่านอาจมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเกี่ยวกับท่าน ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือไม่เป็นปัจจุบัน
    3. 8.3 สิทธิในการคัดค้าน ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหากเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เรื่องประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ และ/หรือของบุคคลอื่น บริษัทฯ จะดำเนินการพิจารณาคำขอของท่านโดยเร็วที่สุดทันทีที่ได้รับคำขอ บริษัทฯ อาจปฏิเสธคำขอของท่านหาก บริษัทฯ สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญมากกว่าในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยดังกล่าวเป็นไปเพื่อ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือปฏิบัติตามกฎหมาย หากบริษัทฯ ตัดสินใจว่าจะปฏิเสธคำขอของท่าน บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมเหตุผล และจะส่งหนังสือดังกล่าวให้แก่ท่านภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
    4. 8.4 สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้ทุกเมื่อ
    5. 8.5 สิทธิในการลบข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทฯ อาจต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
    6. 8.6 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล ท่านอาจมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่บริษัทฯ ครอบครองอยู่ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ และส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับผู้ควบคุมข้อมูลอื่น โดยที่ข้อมูลนั้นจะต้องเป็น (ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้แก่บริษัทฯ และ (ข) ข้อมูลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยบนฐานความยินยอมของท่าน
    7. 8.7 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลชั่วคราว ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเป็นการชั่วคราวในส่วนที่บริษัทฯ ไม่มีสิทธิเก็บรักษาไว้แล้ว หรือเมื่อท่านจำเป็นต้องใช้ข้อมูลนั้นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
    8. 8.8 สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัทฯ ให้แก่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหากบริษัทฯ ละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้ในประเทศไทย รวมถึงนโยบายและข้อบังคับอื่นๆ
  9. การติดต่อบริษัท

    หากท่านมีข้อกังวลหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือหากท่านต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด สามารถติดต่อบริษัทฯ ที่ช่องทาง ดังต่อไปนี้

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
    2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
    แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
    โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8
    โทรสาร : (02) 033-0909
    อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน ผู้สมัครเข้าฝึกงาน (“ท่าน”) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.ฯ”) และฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายและกฎระเบียบอื่น ๆ ที่จะประกาศใช้ภายใต้ พ.ร.บ.ฯดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม การใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเราดังต่อไปนี้

คำนิยาม

“ผู้สมัคร” หมายถึง ผู้สมัครงาน ผู้สมัครเข้าฝึกงาน ไม่ว่าด้วยวิธีการยื่นสมัครงานผ่านช่องทางใดก็ตาม เช่น การสมัครด้วยตัวเอง (Walk-in) ผ่านไปรษณีย์ ผ่านอีเมล ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทหรือบุคคลที่สาม ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย และไม่ว่าการสมัครงานนั้นจะดำเนินการโดยผู้สมัครเอง หรือเป็นการรับสมัครงานภายในบริษัท หรือผ่านการแนะนำของบุคคล หน่วยงาน และ/หรือสถาบันการศึกษา หรือที่ผ่านการดำเนินการของผู้ให้บริการจัดหางาน

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีว ภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

  1. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะเมื่อมีเหตุผลที่เหมาะสมในการดำเนินการ และ/หรือ ที่กฎหมายกำหนดให้กระทำการได้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังต่อไปนี้

    1. 1.1 เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครงานกับเรา เช่น การดำเนินการตามกระบวนการสรรหา การตรวจสอบคุณสมบัติ คัดเลือกก่อนการทำสัญญาจ้างเป็นพนักงาน รวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงการเข้าฝึกงาน การจ่ายค่าตอบแทนการฝึกงาน การได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากการฝึกงาน
    2. 1.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือของบุคคลอื่น เช่น วิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูล การบริหารจัดการและปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกพนักงาน การประเมินผลการฝึกงาน การส่งข่าวสารที่เกี่ยวกับตำแหน่งงาน การจัดทำสัญญาฝึกงานหรือสัญญาจ้างงานในกรณีที่ท่านผ่านการคัดเลือก การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในการปฏิบัติตามกฎหมายภาระข้อผูกพันตามกฎหมาย หรือตามสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
    3. 1.3 เพื่อประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของบริษัทฯ ที่จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยยังคงคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านนั้นไม่เหนือไปกว่าประโยชน์ของบริษัทฯ
    4. 1.4 เพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่งโดยเฉพาะ ตามความยินยอมที่ท่านให้แก่บริษัทฯ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    5. 1.5 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
    6. 1.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของเรา หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่เรา
    7. 1.7 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ เช่น การยินยอมให้ส่งข้อมูลการสมัครเข้าทำงานหรือการสมัครเข้าฝึกงานของท่านแก่บริษัทในเครือ
  2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลหลากหลายประเภท โดยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวมนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเหตุการณ์ที่แตกต่างกันออกไปของกระบวนการสรรหาบุคลากรและว่าจ้างพนักงานของบริษัท

    1. 2.1 แหล่งข้อมูลที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เช่น

      • ข้อมูลที่ได้จากท่านโดยตรง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสรรหาบุคลากร การขอรับทุนการศึกษา การรับสมัครฝึกงาน (เช่น ใบสมัครงาน, ใบรับสมัครฝึกงาน, ใบสมัครขอรับทุนการศึกษา, ประวัติการทำงานโดยย่อ (CV) หรือเรซูเม่ (Resume) รวมไปถึง เอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ หรือข้อมูลต่าง ๆ ในเอกสารที่ ท่านได้ให้ข้อมูลไว้กับบริษัทฯ เมื่อเริ่มต้นหรือระหว่างกระบวนการสรรหาบุคลากร การขอรับทุนการศึกษา การรับสมัครฝึกงาน
      • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน
      • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูล โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลมาจากช่องทาง ดังนี้
        1. สื่อสังคมออนไลน์ แหล่งข้อมูลโซเชียลมีเดีย หรือแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลที่สาม เว็บไซต์รับสมัครงาน (Recruiter Website) เช่น LinkedIn, Jobs DB, Jobs Thai, Facebook เป็นต้น
        2. บริษัทจัดหางาน (Headhunter) หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา รวมถึงบุคคลใด ๆ ที่ดำเนินการในนามของหน่วยงานเหล่านั้น หรือจากพนักงานปัจจุบันของบริษัท
        3. ข้อมูลที่ได้จากการโต้ตอบทางโทรศัพท์ หรือวีดีโอคอล (Video Call) และข้อมูลที่ได้จาก หรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการรับสมัคร กระบวนการสรรหาบุคลากร
        4. เอกสารอ้างอิงจากนายจ้างเดิม (เช่น ระยะเวลาการทำงาน ผลการปฏิบัติงานระหว่างการทำงานให้กับนายจ้างเดิม
      • ข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับหรืออาจได้รับเมื่อท่านเข้าใช้ระบบ เครื่องมือ หรือเว็บไซต์ของบริษัทฯ
      • การสนทนาโต้ตอบกับท่านโดยการสัมภาษณ์ ประชุม หรือโดยวิธีอื่น เช่น อุปกรณ์บันทึกภาพและ/หรือเสียง เป็นต้น
    2. 2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

      ประเภทของ “ข้อมูลส่วนบุคคล” ของท่านที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

      • ข้อมูลส่วนตัว : ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส สถานภาพทางทหาร หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขอื่น ๆ ที่ทางราชการออกให้ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฎอยู่บนเอกสารที่ราชการออกให้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน สัญชาติ ภาพบนบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ ลายมือชื่อ ข้อมูลการยืนยันตัวตน ภาพถ่าย ภาพหรือบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV)
      • ข้อมูลการติดต่อ : ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ Line ID บัญชีเฟซบุ๊ค เป็นต้น
      • ข้อมูลการศึกษา : รายละเอียดประวัติการศึกษา ใบรับรองผลการศึกษา (Transcript) หลักฐานการจบการศึกษา
      • ข้อมูลครอบครัว : ชื่อ และข้อมูลการติดต่อของสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งคู่สมรส และบุตร
      • ข้อมูลการทำงาน : รายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพ การเป็นสมาชิกองค์กรทางวิชาชีพ ความเห็นของนายจ้าง คุณสมบัติ ทักษะ ประสบการณ์ การฝึกอบรม และประวัติการทำงาน (CV หรือ Resume)
      • ข้อมูลทางการเงินและธุรกรรม: ข้อมูลเงินเดือน และผลประโยชน์ของท่าน (เช่น โบนัส, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินบำนาญ และการประกันภัย)
      • ข้อมูลอื่น ๆ : ข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับหรืออาจจะได้รับระหว่างการสัมภาษณ์งาน
      • ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก : หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกใด ๆ เช่น คู่สมรส บุตร บิดา มารดา บุคคลในครอบครัว บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และมีหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามประกาศฉบับนี้ได้ อีกทั้ง ท่านต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบ และขอรับความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง
      • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data):
        • ข้อมูลศาสนา
        • เชื้อชาติ
        • ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลทางการแพทย์
        • ประวัติอาชญากรรม

      บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านบางประเภท เพื่อใช้ในการสรรหาและพิจารณาบุคลากร อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะไม่เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลประเภทนี้ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้สามารถกระทำได้

    3. 2.3 การปฏิเสธให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ

      ในกรณีที่บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทฯ อาจส่งผลให้บริษัทฯไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้บริษัทฯ อาจปฏิเสธการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  3. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทประมวลผลข้อมูลโดยอาจอาศัยหรืออ้าง

    1. (1) ฐานความยินยอมเพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน
    2. (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน
    3. (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
    4. (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก
    5. (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ
    6. (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี ซึ่งในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลของท่านโดยแยกตามกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ระบุตามตารางนี้
    ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานการประมวลผล
    1 การรับสมัคร การสัมภาษณ์งาน การคัดเลือกผู้สมัคร การคัดกรองประวัติ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ตามเกณฑ์ของบริษัท และการยืนยันตัวบุคคล การติดต่อ เพื่อดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน หรือสมัครฝึกงาน การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    2 การค้นหาผู้สมัครงานที่เปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น เว็บไซต์สมัครงาน แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลที่สาม และติดต่อท่านเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ท่านสมัคร หรืออาจสนใจสมัคร เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    3 การตรวจสอบประวัติการศึกษา หรือประวัติการทำงานย้อนหลังจากแหล่งข้อมูลอื่น การวิเคราะห์ข้อมูล การบันทึกวีดีโอการแนะนำตัว การประเมินและให้คะแนนผู้สมัคร เพื่อการตัดสินใจจ้าง เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    4 การตรวจร่างกายก่อนเข้าฝึกงาน การเข้าทำสัญญาจ้าง การปฏิบัติตามสัญญา/ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    5 การติดต่อผู้สมัครงาน ในการแจ้งข่าวสาร หรือเสนอตำแหน่งงานอื่นที่เหมาะสม ความยินยอม
    6 การเปิดเผยข้อมูลในใบสมัครงานให้กับบริษัทในเครือพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครงานก่อนเรียกสัมภาษณ์ ความยินยอม
    7 การตรวจสอบประวัติส่วนบุคคล ประวัติอาชญากรรมจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะบางตำแหน่งที่บริษัทกำหนด) ความยินยอม
    8 การตรวจสอบรายชื่อบุคคลล้มละลาย ตรวจสอบข้อมูลเครดิต ประวัติทางการเงิน การประเมินความเสี่ยงบุคคลด้านการฟอกเงิน (เฉพาะบางตำแหน่งที่บริษัทกำหนด) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    9 การเปิดเผยข้อมูลประวัติการฝึกงาน ผลการฝึกงาน ระยะเวลาการฝึกงาน ให้แก่สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานอื่น ในกรณี สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นเป็นผู้ส่งผู้สมัครเข้าฝึกงานกับบริษัท การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
    10 เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่าน หรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมโรคติดต่อ การบันทึกอุณหภูมิ และประวัติการเดินทางของท่าน ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่ายกาย หรือสุขภาพของบุคคล/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย/การปฏิบัติตามกฎหมาย
    11 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งใน และต่างประเทศที่ใช้บังคับ และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัท หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ การปฏิบัติตามกฎหมาย
  4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทฯ อาจเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

    1. 4.1 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่น
      • บุคคลอ้างอิง
      • สถาบันการศึกษา (เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย เป็นต้น) เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ
      • ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ และ/หรือ
      • บุคคลภายนอกที่ดำเนินการตรวจสอบประวัติในนามของบริษัทฯ (เช่น บริษัทข้อมูลเครดิต หน่วยงาน ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เป็นต้น)
    2. 4.2 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

      บริษัทฯ อาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ เพื่อจัดเก็บ และ/หรือ ประมวลผลในการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างท่าน และบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และจะกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

  5. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดกระบวนการสรรหาบุคลากร โดยบริษัทฯ จะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่าระยะเวลานั้น

    หากท่านได้รับการคัดเลือกให้เข้าเป็นพนักงาน พนักงานฝึกงาน บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปหลังจากสิ้นสุดกระบวนการสรรหา ทั้งนี้ จะเป็นไปตามประกาศความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งแยกต่างหากจากประกาศฉบับนี้

    เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูล ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย

  6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะเคารพสิทธิของท่านและจะดำเนินการตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลของท่านภายใต้สถานการณ์บางประการ อย่างทันท่วงที

    ท่านมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้

    1. 6.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากบริษัทฯ สามารถใช้ฐานอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    2. 6.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิในการขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ
    3. 6.3 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์
    4. 6.4 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป โดยท่านสามารถใช้สิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบข้อมูลส่วนบุคคลนี้ควบคู่ไปกับสิทธิในการคัดค้านในข้อถัดไป อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธินี้จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิเพื่อขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด โดยบริษัทฯ จะพิจารณาแต่ละคำขอด้วยความระมัดระวังตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    5. 6.5 สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ ประมวลผลภายใต้ฐานผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทฯ นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากบริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด การบันทึกและวิเคราะห์ลักษณะทางจิตวิทยาและพฤติกรรมของบุคคล (Profiling)
    6. 6.6 สิทธิในการขอให้มีการระงับการประมวลผล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว เช่น เมื่อท่านต้องการให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเมื่อท่านร้องขอให้บริษัทฯ พิสูจน์เหตุผล หรือฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    7. 6.7 สิทธิในการส่งหรือโอนย้ายข้อมูล: ในบางกรณี ท่านสามารถขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่สามารถใช้งานโดยทั่วไปได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น สิทธิดังกล่าวนี้จะใช้ได้เฉพาะในกรณีของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัทฯ และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้กระทำโดยอาศัยความยินยอมของท่าน หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการประมวลผลเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันภายใต้สัญญาได้
    8. 6.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน: ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านเห็นว่า บริษัทฯ หรือพนักงานของบริษัทฯ หรือผู้ให้บริการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ฯ หรือประกาศอื่น ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว ท่านอาจใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ตลอดเวลา โดยติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางช่องทางการติดต่อตามที่ระบุไว้ในข้อ 9 ด้านล่าง

    บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องขอข้อมูลบางประการจากท่านเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่านและรับรองสิทธิของท่านในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (หรือเพื่อใช้สิทธิอื่นใด) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยที่จะทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว

    บริษัทฯ จะใช้ความพยายามในการตอบกลับคำขอที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดภายใน 30 วัน ในบางกรณี บริษัทฯ อาจใช้เวลามากกว่า 30 วันหากคำขอของท่านมีความซับซ้อน หรือท่านยื่นคำขอเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งคำขอ ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบและจะทำการแจ้งสถานะของคำขอให้ท่านทราบอยู่เสมอ

  7. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง บริษัทฯ จะตรวจสอบและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขององค์กร ทั้งทางกายภาพ และทางเทคนิคที่เหมาะสมอยู่เสมอ ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกเปิดเผย และนำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ หรือ เข้าถึงโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พนักงานหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทฯ

  8. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

    บริษัทฯ อาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทฯประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

  9. การจัดการกับเรื่องร้องเรียน หรือข้อสงสัย

    ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทฯ จัดเก็บ ใช้ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือสอบถามข้อสงสัยได้ที่ช่องทาง ดังต่อไปนี้

    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
    2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
    แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
    โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8
    โทรสาร : (02) 033-0909
    อีเมล์ : DPO@chowsteel.com

เรียน บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวกับธุรกิจของท่าน (รวมเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ตามกฎหมายไทย และเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พ.ร.บ.ฯ”) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 นี้ บริษัทฯ จึงได้จัดทำหนังสือแจ้งเกี่ยวกับการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับทางบริษัทก่อนวันที่พ.ร.บ.ฯ จะมีผลบังคับใช้

ตามที่บริษัทฯ ได้เก็บ รวมรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯ ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ ในฐานะพนักงาน ลูกจ้าง ลูกค้า คู่ค้า ผู้ส่งมอบ ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้นหรือคณะกรรมการของบริษัทฯ หรือฐานะอื่น ๆ ก่อนวันที่ พ.ร.บ.ฯ จะมีผลใช้บังคับ บริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่ทางบริษัทฯ ได้ทำการจัดเก็บและใช้อยู่ก่อนแล้วเท่านั้น โดยบริษัทฯ จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บุคคลอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากท่านเป็นลายลักษณ์อักษร หรือกฎหมายอนุญาตให้กระทำเช่นนั้น หากบริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เดิมที่ได้มีการจัดเก็บก่อนวันที่ พ.ร.บ.ฯ มีผลใช้บังคับ บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบและจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหลักการและวิธีการที่พ.ร.บ.ฯ กำหนด โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามประกาศความเป็นส่วนตัว

ทั้งนี้ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ก่อนที่พ.ร.บ.ฯ จะมีผลบังคับใช้ โดยท่านอาจยื่นด้วยตนเองหรือส่งเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ไปตามที่อยู่อีเมล์ที่ให้ไว้ท้ายประกาศนี้ โดยให้ยื่นถอนความยินยอมให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับจากวันที่ประกาศนี้ เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว หากท่านไม่ได้ถอนความยินยอม บริษัทฯจะถือว่าท่านได้ให้ความยินยอมในข้อมูลนั้นตามวัตถุประสงค์เดิม

ข้อมูลการติดต่อกับบริษัทฯ ผ่านทางช่องทางดังต่อไปนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
2525 อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ 2 ชั้น 10 ถนนพระราม 4
แขวงคลองเตย เขตคลองเตย จ.กรุงเทพมหานคร 10110
โทรศัพท์ : (02) 033-0901-8
โทรสาร : (02) 033-0909
อีเมล์ : DPO@chowsteel.com